ทางเลือกใหม่ แจ้งภาวะฉุกเฉินผ่าน Social Network
ในอดีตเมื่อมีเหตุด่วนเหตุร้าย หรือสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น
คนทั่วโลกมักจะใช้โทรศัพท์
และวิทยุเป็นเครื่องมือในการประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ
ซึ่งหลายครั้งก็ประสบกับปัญหาโทร
ไม่ติด ระบบขัดข้อง
ทำให้ไม่ได้รับข้อมูลระหว่างการประสานงานได้อย่างเต็มที่
แต่ในยุคที่อินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างทุก
วันนี้ ดูเหมือนว่าโทรศัพท์ วิทยุ และรูปแบบการสื่อสารเหตุฉุกเฉินแบบเดิม ๆ
จะล่าช้าไปเสียแล้ว เมื่อมีช่องทางการสื่อสารรูปแบบใหม่ที่รวดเร็วทันใจ
และช่วยให้ประสานงานกันได้ง่ายและมีประสิทธิภาพกว่าเดิม
ขอความช่วยเหลือผ่านทาง Social Network
และช่องทางการประสานงานเหตุฉุกเฉินรูปแบบใหม่นี้ ก็คือ
เครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือ Social Network
ที่เริ่มจะกลายเป็นที่นิยมและมีบทบาทในชีวิตคนทั่วโลกเมื่อประมาณ 5-6
ปีที่ผ่านมา จนวันนี้
กระแสความนิยมนั้นได้ทำให้เครือข่ายสังคมออนไลน์กลายเป็นช่องทางการประสาน
งานที่มีประสิทธิภาพ ด้วยจำนวนผู้ใช้จำนวนมากที่ครอบคลุมทุกสังคมทุกพื้นที่
มันจึงทำให้การประสานงานยามฉุกเฉินเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว ทั่วถึง
แถมยังสามารถส่งความช่วยเหลือไปในแต่ละพื้นที่ได้อย่างตรงความต้องการของผู้
ประสบเหตุอีกด้วย
ผู้บริการทาง Social Network มีมากมาย
ด้วยเหตุนี้ หลายประเทศทั่วโลก
จึงได้นำเครือข่ายสังคมออนไลน์มาใช้เป็นช่องทางประสานงานเหตุฉุกเฉินทุกชนิด
โดยเฉพาะประเทศที่ทรงอิทธิพลอย่าง สหรัฐอเมริกา
ที่ทุกวันนี้ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายฉุกเฉินบนเครือข่าย
สังคมออนไลน์ และมีการสนับสนุนให้ใช้กันอย่างกว้างขวางมากขึ้นอยู่ในขณะนี้
หลังจากที่ผ่านมา มีการพบว่า
เครือข่ายสังคมออนไลน์ตอบสนองเหตุฉุกเฉินได้รวดเร็ว
และแทบไม่ต้องใช้เวลาในการกระจายข่าวไป
ยังอีกมุมโลกเลย เช่น
ในช่วงที่แม่น้ำเรดริเวอร์ในนอร์ธดาโกตาและมินเนสโซตาเริ่มเอ่อล้นท่วมบ้าน
เรือนประชากร ผู้คนกว่า 2,600 คนที่ใช้ทวิตเตอร์ในขณะนั้น
ได้รับการเตือนจากองค์กรจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินและเตรียมอพยพได้ทัน
หรือช่วงที่องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ
ประกาศเรียกคืนถั่วพิสทาชิโอปนเปื้อนเชื้อโรค
ผู้คนกว่า 3,000 คนก็ได้รู้ข่าวทันทีที่มีการประกาศลงบนเพจในเฟซบุ๊ก
หรือในช่วงที่มีเหตุฉุกเฉิน ปิดถนนต่าง ๆ
ก็ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นช่องทางประชาสัมพันธ์ที่ผู้คนเข้าถึง
ง่ายกว่านั่นเอง ซึ่งปัจจุบันนี้ หากรวมหน้าเพจของหน่วยงานฉุกเฉินต่าง ๆ
ที่คอยให้ความช่วยเหลือและพร้อมประสานงานอย่างทันท่วงทีบนเครือข่ายสังคมออ
นไลน์อย่างเฟซบุ๊ก ก็มีราว ๆ 500 เพจทั่วสหรัฐฯ เลยทีเดียว
สามารถรับ-ส่งข้อมูลข่าวสารได้ทั่วโลก
สำหรับ
ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดของการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ระหว่างเกิดเหตุฉุก
เฉิน กลุ่มหน่วยฉุกเฉินของสหรัฐฯ
ที่สนับสนุนการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ได้ระบุไว้ ดังนี้
1.
ข้อความขอความช่วยเหลือจะแสดงในหน้าเพจหลายครั้ง
ไม่ว่าจะมีคนเข้าไปดูเพจเวลาใดก็จะมีข้อความขึ้นเตือนอยู่หลายครั้งจนกว่าจะ
ได้อ่านข้อความนั้น
2.
มีโอกาสสูงที่สื่ออย่างโทรทัศน์จะนำข้อมูลไปเผยแพร่ต่อ
และข่าวสารก็จะเข้าถึงกลุ่มคนอีกกลุ่มที่ไม่ได้ใช้บริการเครือข่ายสังคมออ
นไลน์ ทำให้ข่าวสารครอบคลุมไปถึงคนทุกกลุ่ม
3.
สามารถประเมินผลกระทบของผู้ประสบเหตุได้
เพราะรายละเอียดที่แจ้งในเพจของหน่วยฉุกเฉินนั้น ล้วนมาจากผู้ประสบเหตุ
หรือผู้ใกล้ชิดผู้ประสบเหตุอย่างแท้จริง
จึงทำให้รับรู้ความเสียหายและความต้องการของผู้ประสบเหตุแน่ชัด
4.
มีการประสานงานอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ
เนื่องจากสามารถโต้ตอบได้ภายในเพจ
จึงทำให้รู้ความเคลื่อนไหวของขั้นตอนการช่วยเหลือต่าง ๆ
และทำให้รู้ว่าหน่วยฉุกเฉินได้ให้ความช่วยเหลือด้านใด แห่งใดไปแล้วบ้าง
5.
มีการประสานงานช่วยเหลือเป็นหนึ่งเดียวกัน
เพจหน่วยฉุกเฉินเปรียบเสมือนห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ผู้คนจากทั่วโลกสามารถมา
นั่งคุยกันได้ และประสานงานช่วยเหลือไปพร้อม ๆ กันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Social Network สามารถกระจายข่าวได้อย่างรวดเร็ว
จากประโยชน์ของเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใช้ในการประสานงานช่วยเหลือดังกล่าว
จึงไม่แปลกอะไรเลยที่ทุกวันนี้มีการสนับสนุนให้หน่วยฉุกเฉินได้ใช้เครือข่าย
สังคมออนไลน์เป็นเหมือนหอกระจายข่าวที่ผู้รับสารจะรับสารได้ทันทีไม่มีคลาด
เคลื่อน
และถ้าหากหน่วยฉุกเฉินของประเทศไทยมีการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นช่อง
ทางในการรับแจ้งเหตุสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็คงจะเป็นประโยชน์ในการประสานงานช่วยผู้ประสบเหตุได้ทันถ่วงที
ที่มา http://www.dmc.tv/pages/scoop/Social-Network.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น